ความสำเร็จ และบทเรียน เพื่อการพัฒนางาน อยม.
กรณีศึกษา: อนุกรรมการกิจการเยาวชนประจำมัสยิดกมาลุลอิสลาม
ตลอดระยะเวลาการทำงานของคณะอนุกรรมการพัฒนากิจการเยาวชนกรุงเทพมหานคร (อนุพัฒน์ฯ) เราได้พยายามกระตุ้นให้มีการจัดตั้งกลุ่มเยาวชนในรูปแบบคณะอนุกรรมการกิจการเยาวชนประจำมัสยิด (อยม.) ในทุก ๆ มัสยิดของกรุงเทพมหานคร ตามนโยบายของคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร (กอ.กทม.) โดยมุ่งมั่นว่า อยม. จะเป็นเวทีที่เปิดกว้างให้คนหนุ่มสาวมุสลิมได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วม และนำความรู้ความสามารถของพวกเขามาใช้ในการพัฒนาชุมชนมุสลิมให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้มัสยิดเป็นจุดศูนย์กลางของการทำงานเพื่อสังคมสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย
เราได้มีโอกาสคลุกคลีและร่วมกิจกรรมกับ อยม. ประจำมัสยิดในหลาย ๆ แห่ง ซึ่งแต่ละที่ก็ต่างมีความโดดเด่นและน่าสนใจแตกต่างกันออกไป บทความจากคณะอนุกรรมการพัฒนากิจการเยาวชนมุสลิมกรุงเทพมหานครเนื่องในงานเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนี้
จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำเสนอผลงาน ความสำเร็จ และบทเรียนต่างๆ จาก อยม. มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเป็นตัวอย่างสำหรับกลุ่มกิจกรรมเยาวชนอื่น ๆ เพื่อเรียนรู้และพัฒนาการทำงานของท่านต่อไป ในเล่มนี้ ขอนำเสนอผลงานของหนึ่งใน อยม. ที่โดดเด่น เป็นที่ยอมรับ และได้ให้ความร่วมมือกับ อนุพัฒน์ ด้วยดีมาโดยตลอด ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะได้พบปะกับพวกเขาบ้างแล้วจากการแสดงละครเวทีเรื่อง “อัลกอมะห์” เมื่องานวันแม่ที่ผ่านมา และในเล่มนี้เราจะได้รู้จักพวกเขามากยิ่งขึ้นกับทีมงาน “อยม. มัสยิดกมาลุลอิสลาม”
มัสยิดกมาลุลอิสลาม (ทรายกองดิน) ตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ หมู่ที่ 5 แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร มีประชากรประมาณ 2,000 ครอบครัว ปัจจุบันมีท่านอาจารย์วินัย สะมะอุน เป็นอีหม่ามประจำมัสยิด
งานกิจกรรมเยาวชนกับการทำงานของมัสยิดที่นี่ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่เนื่องจากมันถูกกำเนิดขึ้นจากคนรุ่นพ่อ-รุ่นพี่ ที่รวมกลุ่มกันทำกิจกรรมและถ่ายทอดความคิด อุดมการณ์ จากรุ่นสู่รุ่น นับเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี โครงการที่มีบทบาทอย่างมากในการสร้างแบบอย่างและกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่สนใจและอยากจะเข้ามาทำงานเพื่อสังคมนั่นก็คือโครงการค่ายอบรมเยาวชนในช่วงปิดภาคการศึกษาซึ่งใช้ชื่อว่า “โครงการอบรมเยาวชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต”
ค่ายอบรมที่ไม่ได้เน้นแค่การให้ความรู้แบบในห้องเรียน แต่เป็นการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่าง “พี่” ซึ่งเป็นแบบอย่างของการเป็นเยาวชนที่ดีและอาสาที่จะทำงานเพื่อสังคม กับ “น้อง” ผู้จะเรียนรู้ ซึมซับแนวความคิดจากรุ่นพี่ และหวังว่าจะสักวันหนึ่งจะได้ไปยืนและทำหน้าที่เหมือนกับ “พี่” ของเขา
เมื่อนโยบายเร่งรัดพัฒนาเยาวชนและส่งเสริมการจัดตั้งกลุ่มเยาวชนประจำมัสยิดในรูป อยม. ของคณะคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานครถูกนำเสนอต่อสาธารณะ จึงไม่เป็นเรื่องยากเลยสำหรับกมาลุลอิสลาม ที่จะรวมกลุ่มเยาวชนและจัดตั้งทีมงาน อยม. ที่เป็นทางการ เพียงการเรียกประชุมเยาวชนของมัสยิดผ่านเสียงตามสายของอีหม่าม ก็ได้รับการตอบสนองจากทีมงานสมาชิกที่ได้เคยสัมผัสและรับรู้เรื่องราวของกลุ่มเยาวชนในอดีตอย่างพร้อมเพรียง
“เหมือนเมล็ดพืชที่ฝังตัวอยู่ใต้พื้นดิน ที่พร้อมจะผลิใบแตกกิ่งอ่อนและเจริญงอกงาม ทันทีที่สายฝนอันชุ่มช่ำโปรยลงมา”
การจัดตั้ง อยม.กมาลุลฯ เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีแบบแผน มีการนำบทเรียน ประเด็นปัญหาของการทำงานกิจกรรมเยาวชนในอดีตมาเรียนรู้และปรับวิธีการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ด้วยมาตรการต่าง ๆ เช่น
· มีการร่างระเบียบฯ อยม. กมาลุลฯ โดยจัดให้มีสภาที่ปรึกษากลุ่มเยาวชนที่มีองค์ประกอบจากหลายภาคส่วน เช่น ผู้แทนจากคณะกรรมการมัสยิด ผู้แทนชุมชนหรือสถาบันการศึกษาในท้องถิ่น รุ่นพี่กลุ่มเยาวชน รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นที่ยอมรับและสามารถทำงานร่วมกับเยาวชนได้
· มีประธานกลุ่ม และแกนนำที่เป็นที่ยอมรับของคนในชุมชน สามารถประสานงานได้กับ “ผู้ใหญ่” และทำงานร่วมกับเยาวชนได้เป็นอย่างดี
· สร้างการยอมรับในความสามารถของคนรุ่นใหม่ โดยมีการดำเนินงานที่เป็นระบบ มีการประชุมหารือที่เป็นทางการ และมีการนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาใช้ในการนำเสนอข้อมูล
· ให้ความสนใจกับประเด็นที่อาจนำไปสู่การไม่ยอมรับและภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิง เป็นต้น
ตลอด 2 ปีของการทำงาน (2549-2550) อยม. กมาลุลฯ มีผลงานอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจยิ่ง กิจกรรมปรกติของมัสยิด ได้รับความร่วมมือและมีรูปแบบที่ดึงดูดใจและมีสีสันมากยิ่งขึ้น เช่น โครงการค่ายอบรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต งานประจำปีของมัสยิด และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสายของมัสยิด รวมทั้งยังมีกิจกรรมใหม่ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างน่าประทับใจ เช่น โครงการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียง (หน้าบ้านน่ามอง ริมคลองน่าดู ปลูกพืชผักจากน้ำมือ กินอยู่อย่างพอเพียง) และโครงการอบรมพัฒนาบุคลากรต้นแบบ
ที่สำคัญคือการให้ความร่วมมือและร่วมเป็นสมาชิก อยม. ของเยาวชนในชุมชนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากเดิม 20-30 คน กลับกลายเป็นทีมที่เข้มแข็งและมีสมาชิกกว่า 80 คน
มัสยิดดูมีชีวิตชีวา และความรู้สึกของคนรุ่นใหม่กับมัสยิดดูจะ “ใกล้” กันมากกว่าแต่ก่อน
อะไรคือสิ่งดึงดูดให้เด็กหนุ่มสาว ยอมเสียสละเวลา กำลังกาย กำลังใจ และความสะดวกสบายของตัวเองเพื่อทำงานให้ส่วนรวม ทั้ง ๆ ที่ไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน ทั้งในด้านทรัพย์สินเงินทอง และหน้าตาชื่อเสียง
ส่วนหนึ่งผมยกความดีให้กับ “เยาวชน” ที่รักจะรวมกลุ่มกัน มีความสุขที่ได้ทำกิจกรรม และปรารถนาที่จะมีบทบาท เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
แต่อีกส่วนหนึ่งผมยกความดีให้กับ “ผู้ใหญ่” และคนรุ่นก่อนหน้าพวกเขาที่ได้ “ปลูก” แบบอย่างที่ดีไว้ให้กับเด็ก และพร้อมจะเปิดโอกาสให้แก่เขาในการแสดงความสามารถอย่างเหมาะสม
การทำงานอาสาสมัครและการทำงานเพื่อสังคม ซึ่งผู้นำไม่มีอำนาจบังคับบัญชา ไม่มีสิทธิให้คุณให้โทษ เรื่องของ “ใจ” เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะกับการทำงานเยาวชนด้วยแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องแรกที่ต้องให้ความสำคัญ
ใครบางคนที่เคารพเคยสอนเรื่องคนไว้ว่า “ถ้าเราได้ใจเขา เราก็ได้ทุกอย่างจากเขา แต่ถ้าเราทำให้เขาหมดใจ เราก็จะไม่ได้อะไรจากเขาอีกเลย”
ด้วยวัยหนุ่มสาวยังไม่ใช่จุดอิ่มตัวของชีวิต การทำงานของ อยม. ในบางครั้งอาจมีขึ้น มีลง บ้าง ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลง แต่อย่างน้อย อยม. น่าจะเป็นที่เริ่มแรกในการสร้างความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมและการทำงานเพื่ออิสลามให้แก่เยาวชนมุสลิมใน กทม. เชื่อเหลือเกินว่าคนที่เคยผ่านรสชาดที่ดื่มด่ำของการทำงานเพื่อสังคมแล้ว เขาจะระลึกถึงมันในในความทรงจำลึก ๆ เสมอ แม้วันนี้สถานการณ์ ไม่เอื้ออำนวย แต่พวกเขาจะกลับมาเมื่อ “โอกาส” และ “ใจ” มาพบเจอกันอีกครั้งหนึ่ง
“เหมือนเมล็ดพืชที่ฝังตัวอยู่ใต้พื้นดิน ที่พร้อมจะผลิใบแตกกิ่งอ่อนและเจริญงอกงาม (อีกครั้ง) ทันทีที่ที่สายฝนอันชุ่มช่ำโปรยลงมา”

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น