วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

มัสยิดกมาลุลอิสลาม ทรายกองดิน


มัสยิดกมาลุลอิสลาม (ทรายกองดิน) ตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ หมู่ที่ 5 แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร

ในอดีตบรรพบุรุษของประชาชนในชุมชนมัสยิดกมาลุลอิสลามเป็นชาวมลายูมุสลิมจากภาคใต้ของประเทศไทย (รัฐไทรบุรีและเปอร์ลิส) ซึ่งถูกจับเป็นเชลยศึกและถูกกวาดต้อนขึ้นมายังกรุงเทพตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อมีพระราชดำริให้มีการขุดคลองแสนแสบขึ้น บรรพบุรุษเหล่านั้นได้ถูกเกณฑ์เข้าร่วมในการขุดคลองด้วย ภายหลังจึงได้รับอนุญาตให้ถือครองที่ดินและอยู่อาศัยบริเวณริม 2 ฝั่งคลองแสนแสบนับแต่นั้นมาบรรพบุรุษเหล่านั้นได้ร่วมกันสร้างมัสยิดขึ้นเป็นหลังแรกในบริเวณเหนือเมืองมีนบุรีไปทางทิศตะวันออก ระยะแรกเป็นมัสยิดที่ปลูกสร้างด้วยไม้ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสทางชลมารค จากกรุงเทพฯ ไปเมืองแปดริ้วเพื่อปราบปรามพวกอั้งยี่ผ่านมาทางคลองแสนแสบ เรือกลไฟพระที่นั่งได้เกิดเครื่องยนต์ขัดข้องที่บริเวณหน้ามัสยิด แก้ไขอยู่นานก็ไม่สำเร็จ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 จึงได้รำพึงขึ้นว่า หากบริเวณนี้มีผู้มีบุญญาธิการสถิตอยู่ ขอได้ช่วยให้เครื่องยนต์เดินได้เป็นปรกติตามเดิมด้วย พระองค์จะสร้างอนุสรณ์เป็นกุศลไว้แก่หมู่บ้านนี้ ทันใดนั้นเครื่องยนต์เรือพระที่นั่งก็เดินได้เป็นปรกติ พระองค์ได้มีพระกระแสรับสั่งให้ทหารมหาดเล็กขึ้นไปบนฝั่งเพื่อสอบถามว่า กองดินกองทรายที่นำมากองไว้ริมคลองนั้นมีวัตถุประสงค์จะสร้างอะไร ก็ได้รับคำตอบจากผู้อาวุโสที่พำนักอยู่ในบริเวณนั้นว่า จะสร้างอาคารมัสยิดหรือ “สุเหร่าพระองค์จึงทรงรับสั่งกับมหาดเล็กติดตามว่า หลังจากเสร็จกิจปราบปรามพวกอั้งยี่กลับเข้าพระนครแล้ว ให้นำอิฐ หิน ทราย มาสมทบยังบริเวณกองดินกองทรายนี้ อย่างละ 7 ลำเรือ
เพื่อพระราชทานสมทบในการก่อสร้างอาคารมัสยิดหลังใหม่ มัสยิดหลังที่เป็นอาคารคอนกรีตจึงได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ครั้งนั้น นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ยังได้พระราชทานที่ดินจำนวน 40 ไร่ เป็นใบเดินทุ่งให้กับทรัสตีสุเหร่าทรายกองดิน ซึ่งที่ดินดังกล่าวปัจจุบันใช้เป็นที่ตั้งอาคารมัสยิด โรงเรียน และสุสานประจำมัสยิด

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2537 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคประพาสคลองแสนแสบ จากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ กรุงเทพมหานคร ถึง ประตูน้ำเนื่องเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา พระองค์ได้เสด็จขึ้นเยือนมัสยิดกมาลุลอิสลามและได้ทรงปลูกต้นประดู่ไว้เป็นอนุสรณ์ การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้น เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการอนุรักษ์คลองแสนแสบของชุมชนมัสยิดกมาลุลอิสลามมาจนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันชุมชนมัสยิดกมาลุลอิสลามเป็นชุมชนขนาดใหญ่ครอบคลุมเครือข่ายชุมชนหมู่บ้านจำนวน11 ชุมชน มีประชากรประมาณ 2,000 ครอบครัว หรือประมาณ 15,000 คน ชุมชนทั้งหมดตั้งขนานไปกับลำคลองแสนแสบ อยู่ในพื้นที่เขตมีนบุรีและเขตคลองสามวา ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และรับจ้าง ฐานะความเป็นอยู่โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ประชาชนในชุมชนทั้งหมดมีความรักและสามัคคีอันดีต่อกัน มีความผูกพันกับคลองแสนแสบในฐานะมรดกของบรรพบุรุษ และมีมัสยิดกมาลุลอิสลามเป็นศูนย์รวมของประชาชนในชุมชน

ไม่มีความคิดเห็น: