วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553

ความสำเร็จ และบทเรียน เพื่อการพัฒนางาน อยม. กรณีศึกษา: อนุกรรมการกิจการเยาวชนประจำมัสยิดกมาลุลอิสลาม

ความสำเร็จ และบทเรียน เพื่อการพัฒนางาน อยม.

กรณีศึกษา: อนุกรรมการกิจการเยาวชนประจำมัสยิดกมาลุลอิสลาม

ตลอดระยะเวลาการทำงานของคณะอนุกรรมการพัฒนากิจการเยาวชนกรุงเทพมหานคร (อนุพัฒน์ฯ) เราได้พยายามกระตุ้นให้มีการจัดตั้งกลุ่มเยาวชนในรูปแบบคณะอนุกรรมการกิจการเยาวชนประจำมัสยิด (อยม.) ในทุก ๆ มัสยิดของกรุงเทพมหานคร ตามนโยบายของคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร (กอ.กทม.) โดยมุ่งมั่นว่า อยม. จะเป็นเวทีที่เปิดกว้างให้คนหนุ่มสาวมุสลิมได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วม และนำความรู้ความสามารถของพวกเขามาใช้ในการพัฒนาชุมชนมุสลิมให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้มัสยิดเป็นจุดศูนย์กลางของการทำงานเพื่อสังคมสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย

เราได้มีโอกาสคลุกคลีและร่วมกิจกรรมกับ อยม. ประจำมัสยิดในหลาย ๆ แห่ง ซึ่งแต่ละที่ก็ต่างมีความโดดเด่นและน่าสนใจแตกต่างกันออกไป บทความจากคณะอนุกรรมการพัฒนากิจการเยาวชนมุสลิมกรุงเทพมหานครเนื่องในงานเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนี้

จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำเสนอผลงาน ความสำเร็จ และบทเรียนต่างๆ จาก อยม. มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเป็นตัวอย่างสำหรับกลุ่มกิจกรรมเยาวชนอื่น ๆ เพื่อเรียนรู้และพัฒนาการทำงานของท่านต่อไป ในเล่มนี้ ขอนำเสนอผลงานของหนึ่งใน อยม. ที่โดดเด่น เป็นที่ยอมรับ และได้ให้ความร่วมมือกับ อนุพัฒน์ ด้วยดีมาโดยตลอด ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะได้พบปะกับพวกเขาบ้างแล้วจากการแสดงละครเวทีเรื่อง อัลกอมะห์ เมื่องานวันแม่ที่ผ่านมา และในเล่มนี้เราจะได้รู้จักพวกเขามากยิ่งขึ้นกับทีมงาน อยม. มัสยิดกมาลุลอิสลาม

มัสยิดกมาลุลอิสลาม (ทรายกองดิน) ตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ หมู่ที่ 5 แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร มีประชากรประมาณ 2,000 ครอบครัว ปัจจุบันมีท่านอาจารย์วินัย สะมะอุน เป็นอีหม่ามประจำมัสยิด

งานกิจกรรมเยาวชนกับการทำงานของมัสยิดที่นี่ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่เนื่องจากมันถูกกำเนิดขึ้นจากคนรุ่นพ่อ-รุ่นพี่ ที่รวมกลุ่มกันทำกิจกรรมและถ่ายทอดความคิด อุดมการณ์ จากรุ่นสู่รุ่น นับเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี โครงการที่มีบทบาทอย่างมากในการสร้างแบบอย่างและกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่สนใจและอยากจะเข้ามาทำงานเพื่อสังคมนั่นก็คือโครงการค่ายอบรมเยาวชนในช่วงปิดภาคการศึกษาซึ่งใช้ชื่อว่า โครงการอบรมเยาวชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต

ค่ายอบรมที่ไม่ได้เน้นแค่การให้ความรู้แบบในห้องเรียน แต่เป็นการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่าง พี่ ซึ่งเป็นแบบอย่างของการเป็นเยาวชนที่ดีและอาสาที่จะทำงานเพื่อสังคม กับ น้อง ผู้จะเรียนรู้ ซึมซับแนวความคิดจากรุ่นพี่ และหวังว่าจะสักวันหนึ่งจะได้ไปยืนและทำหน้าที่เหมือนกับ พี่ ของเขา

เมื่อนโยบายเร่งรัดพัฒนาเยาวชนและส่งเสริมการจัดตั้งกลุ่มเยาวชนประจำมัสยิดในรูป อยม. ของคณะคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานครถูกนำเสนอต่อสาธารณะ จึงไม่เป็นเรื่องยากเลยสำหรับกมาลุลอิสลาม ที่จะรวมกลุ่มเยาวชนและจัดตั้งทีมงาน อยม. ที่เป็นทางการ เพียงการเรียกประชุมเยาวชนของมัสยิดผ่านเสียงตามสายของอีหม่าม ก็ได้รับการตอบสนองจากทีมงานสมาชิกที่ได้เคยสัมผัสและรับรู้เรื่องราวของกลุ่มเยาวชนในอดีตอย่างพร้อมเพรียง

เหมือนเมล็ดพืชที่ฝังตัวอยู่ใต้พื้นดิน ที่พร้อมจะผลิใบแตกกิ่งอ่อนและเจริญงอกงาม ทันทีที่สายฝนอันชุ่มช่ำโปรยลงมา

การจัดตั้ง อยม.กมาลุลฯ เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีแบบแผน มีการนำบทเรียน ประเด็นปัญหาของการทำงานกิจกรรมเยาวชนในอดีตมาเรียนรู้และปรับวิธีการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ด้วยมาตรการต่าง ๆ เช่น

· มีการร่างระเบียบฯ อยม. กมาลุลฯ โดยจัดให้มีสภาที่ปรึกษากลุ่มเยาวชนที่มีองค์ประกอบจากหลายภาคส่วน เช่น ผู้แทนจากคณะกรรมการมัสยิด ผู้แทนชุมชนหรือสถาบันการศึกษาในท้องถิ่น รุ่นพี่กลุ่มเยาวชน รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นที่ยอมรับและสามารถทำงานร่วมกับเยาวชนได้

· มีประธานกลุ่ม และแกนนำที่เป็นที่ยอมรับของคนในชุมชน สามารถประสานงานได้กับ ผู้ใหญ่ และทำงานร่วมกับเยาวชนได้เป็นอย่างดี

· สร้างการยอมรับในความสามารถของคนรุ่นใหม่ โดยมีการดำเนินงานที่เป็นระบบ มีการประชุมหารือที่เป็นทางการ และมีการนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาใช้ในการนำเสนอข้อมูล

· ให้ความสนใจกับประเด็นที่อาจนำไปสู่การไม่ยอมรับและภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิง เป็นต้น

ตลอด 2 ปีของการทำงาน (2549-2550) อยม. กมาลุลฯ มีผลงานอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจยิ่ง กิจกรรมปรกติของมัสยิด ได้รับความร่วมมือและมีรูปแบบที่ดึงดูดใจและมีสีสันมากยิ่งขึ้น เช่น โครงการค่ายอบรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต งานประจำปีของมัสยิด และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสายของมัสยิด รวมทั้งยังมีกิจกรรมใหม่ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างน่าประทับใจ เช่น โครงการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียง (หน้าบ้านน่ามอง ริมคลองน่าดู ปลูกพืชผักจากน้ำมือ กินอยู่อย่างพอเพียง) และโครงการอบรมพัฒนาบุคลากรต้นแบบ

ที่สำคัญคือการให้ความร่วมมือและร่วมเป็นสมาชิก อยม. ของเยาวชนในชุมชนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากเดิม 20-30 คน กลับกลายเป็นทีมที่เข้มแข็งและมีสมาชิกกว่า 80 คน

มัสยิดดูมีชีวิตชีวา และความรู้สึกของคนรุ่นใหม่กับมัสยิดดูจะ ใกล้ กันมากกว่าแต่ก่อน

อะไรคือสิ่งดึงดูดให้เด็กหนุ่มสาว ยอมเสียสละเวลา กำลังกาย กำลังใจ และความสะดวกสบายของตัวเองเพื่อทำงานให้ส่วนรวม ทั้ง ๆ ที่ไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน ทั้งในด้านทรัพย์สินเงินทอง และหน้าตาชื่อเสียง

ส่วนหนึ่งผมยกความดีให้กับ เยาวชน ที่รักจะรวมกลุ่มกัน มีความสุขที่ได้ทำกิจกรรม และปรารถนาที่จะมีบทบาท เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป

แต่อีกส่วนหนึ่งผมยกความดีให้กับ ผู้ใหญ่และคนรุ่นก่อนหน้าพวกเขาที่ได้ ปลูก แบบอย่างที่ดีไว้ให้กับเด็ก และพร้อมจะเปิดโอกาสให้แก่เขาในการแสดงความสามารถอย่างเหมาะสม

การทำงานอาสาสมัครและการทำงานเพื่อสังคม ซึ่งผู้นำไม่มีอำนาจบังคับบัญชา ไม่มีสิทธิให้คุณให้โทษ เรื่องของ ใจ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะกับการทำงานเยาวชนด้วยแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องแรกที่ต้องให้ความสำคัญ

ใครบางคนที่เคารพเคยสอนเรื่องคนไว้ว่า ถ้าเราได้ใจเขา เราก็ได้ทุกอย่างจากเขา แต่ถ้าเราทำให้เขาหมดใจ เราก็จะไม่ได้อะไรจากเขาอีกเลย

ด้วยวัยหนุ่มสาวยังไม่ใช่จุดอิ่มตัวของชีวิต การทำงานของ อยม. ในบางครั้งอาจมีขึ้น มีลง บ้าง ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลง แต่อย่างน้อย อยม. น่าจะเป็นที่เริ่มแรกในการสร้างความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมและการทำงานเพื่ออิสลามให้แก่เยาวชนมุสลิมใน กทม. เชื่อเหลือเกินว่าคนที่เคยผ่านรสชาดที่ดื่มด่ำของการทำงานเพื่อสังคมแล้ว เขาจะระลึกถึงมันในในความทรงจำลึก ๆ เสมอ แม้วันนี้สถานการณ์ ไม่เอื้ออำนวย แต่พวกเขาจะกลับมาเมื่อ โอกาส และ ใจ มาพบเจอกันอีกครั้งหนึ่ง

เหมือนเมล็ดพืชที่ฝังตัวอยู่ใต้พื้นดิน ที่พร้อมจะผลิใบแตกกิ่งอ่อนและเจริญงอกงาม (อีกครั้ง) ทันทีที่ที่สายฝนอันชุ่มช่ำโปรยลงมา

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

มัสยิดกมาลุลอิสลาม ทรายกองดิน


มัสยิดกมาลุลอิสลาม (ทรายกองดิน) ตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ หมู่ที่ 5 แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร

ในอดีตบรรพบุรุษของประชาชนในชุมชนมัสยิดกมาลุลอิสลามเป็นชาวมลายูมุสลิมจากภาคใต้ของประเทศไทย (รัฐไทรบุรีและเปอร์ลิส) ซึ่งถูกจับเป็นเชลยศึกและถูกกวาดต้อนขึ้นมายังกรุงเทพตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อมีพระราชดำริให้มีการขุดคลองแสนแสบขึ้น บรรพบุรุษเหล่านั้นได้ถูกเกณฑ์เข้าร่วมในการขุดคลองด้วย ภายหลังจึงได้รับอนุญาตให้ถือครองที่ดินและอยู่อาศัยบริเวณริม 2 ฝั่งคลองแสนแสบนับแต่นั้นมาบรรพบุรุษเหล่านั้นได้ร่วมกันสร้างมัสยิดขึ้นเป็นหลังแรกในบริเวณเหนือเมืองมีนบุรีไปทางทิศตะวันออก ระยะแรกเป็นมัสยิดที่ปลูกสร้างด้วยไม้ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสทางชลมารค จากกรุงเทพฯ ไปเมืองแปดริ้วเพื่อปราบปรามพวกอั้งยี่ผ่านมาทางคลองแสนแสบ เรือกลไฟพระที่นั่งได้เกิดเครื่องยนต์ขัดข้องที่บริเวณหน้ามัสยิด แก้ไขอยู่นานก็ไม่สำเร็จ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 จึงได้รำพึงขึ้นว่า หากบริเวณนี้มีผู้มีบุญญาธิการสถิตอยู่ ขอได้ช่วยให้เครื่องยนต์เดินได้เป็นปรกติตามเดิมด้วย พระองค์จะสร้างอนุสรณ์เป็นกุศลไว้แก่หมู่บ้านนี้ ทันใดนั้นเครื่องยนต์เรือพระที่นั่งก็เดินได้เป็นปรกติ พระองค์ได้มีพระกระแสรับสั่งให้ทหารมหาดเล็กขึ้นไปบนฝั่งเพื่อสอบถามว่า กองดินกองทรายที่นำมากองไว้ริมคลองนั้นมีวัตถุประสงค์จะสร้างอะไร ก็ได้รับคำตอบจากผู้อาวุโสที่พำนักอยู่ในบริเวณนั้นว่า จะสร้างอาคารมัสยิดหรือ “สุเหร่าพระองค์จึงทรงรับสั่งกับมหาดเล็กติดตามว่า หลังจากเสร็จกิจปราบปรามพวกอั้งยี่กลับเข้าพระนครแล้ว ให้นำอิฐ หิน ทราย มาสมทบยังบริเวณกองดินกองทรายนี้ อย่างละ 7 ลำเรือ
เพื่อพระราชทานสมทบในการก่อสร้างอาคารมัสยิดหลังใหม่ มัสยิดหลังที่เป็นอาคารคอนกรีตจึงได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ครั้งนั้น นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ยังได้พระราชทานที่ดินจำนวน 40 ไร่ เป็นใบเดินทุ่งให้กับทรัสตีสุเหร่าทรายกองดิน ซึ่งที่ดินดังกล่าวปัจจุบันใช้เป็นที่ตั้งอาคารมัสยิด โรงเรียน และสุสานประจำมัสยิด

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2537 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคประพาสคลองแสนแสบ จากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ กรุงเทพมหานคร ถึง ประตูน้ำเนื่องเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา พระองค์ได้เสด็จขึ้นเยือนมัสยิดกมาลุลอิสลามและได้ทรงปลูกต้นประดู่ไว้เป็นอนุสรณ์ การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้น เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการอนุรักษ์คลองแสนแสบของชุมชนมัสยิดกมาลุลอิสลามมาจนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันชุมชนมัสยิดกมาลุลอิสลามเป็นชุมชนขนาดใหญ่ครอบคลุมเครือข่ายชุมชนหมู่บ้านจำนวน11 ชุมชน มีประชากรประมาณ 2,000 ครอบครัว หรือประมาณ 15,000 คน ชุมชนทั้งหมดตั้งขนานไปกับลำคลองแสนแสบ อยู่ในพื้นที่เขตมีนบุรีและเขตคลองสามวา ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และรับจ้าง ฐานะความเป็นอยู่โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ประชาชนในชุมชนทั้งหมดมีความรักและสามัคคีอันดีต่อกัน มีความผูกพันกับคลองแสนแสบในฐานะมรดกของบรรพบุรุษ และมีมัสยิดกมาลุลอิสลามเป็นศูนย์รวมของประชาชนในชุมชน